[Fic reborn] My soul will be with her forever (10069) - [Fic reborn] My soul will be with her forever (10069) นิยาย [Fic reborn] My soul will be with her forever (10069) : Dek-D.com - Writer

    [Fic reborn] My soul will be with her forever (10069)

    อดีต..คือสิ่งที่เลยผ่านไป อนาคต..คือสิ่งที่ไม่รู้ แล้วปัจจุบันล่ะ..คืออะไร..

    ผู้เข้าชมรวม

    989

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    989

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    8
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ส.ค. 53 / 20:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ผมเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่ผ่านไปมันไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก.....
    และถ้าเวลานั้นผมเลือกที่จะอยู่กับเขา 
    ...ผมคงไม่ต้องเสียเขาไป...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หลังจากการต่อสู้ของโลกอนาคตสิ้นสุดลง...มิลฟีโอเล่พ่ายแพ้ เบียคุรันตาย!

      เหล่าวองโกเล่จากเมื่อ10ปีก่อนก็ได้กลับไปยังอดีต

      แต่วองโกเล่ของโลกอนาคตก็ยังมีงานที่ต้องเก็บให้เสร็จอยู่นั่นก็คือการกวาดล้างมิลฟีโอเล่แฟมีลี่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่...

      ณ ปราสาทวองโกเล่

      ที่ห้องทำงานของวองโกเล่รุ่นที่10 ชายร่างบางที่มีสถานะเป็นบอสคนปัจจุบัน ซาวาดะ  สึนะโยชิ   กำลังเซ็นเอกสารงานของคนเป็นบอสอย่างมันส์มือ(?)  แต่มือของร่างบางก็ต้องชะงักเมื่อมีกลุ่มหมอกลอยเข้ามาในห้องทำงาน  ร่างบางยิ้มขึ้นและพูดว่า

      “นิสัยของไปๆมาๆแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ มุคุโร่

      “คึหึหึ  แสนรู้เหมือนเลยนะครับ วองโกเล่ เดซิโม่”

      ร่างบางที่ปรากฏต่อหน้าของสึนะนั่นก็คือ ผู้พิทักษ์ สายหมอก ของเขาเอง โรคุโด  มุคุโร่

      “จะมาฆ่าฉันรึไงกัน”

      สึนะถามขึ้นและเงยหน้ามองร่างบางแววตาไม่แสดงอาการณ์ใดๆออกมา

      “คึหึหึ  อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นกันล่ะครับวองโกเล่^^+”(เอ่อ..แววตามันฟ้องมั่งค่ะ - -; : ไรท์เตอร์)

      “....”

      “เฮ้อ~ ผมหน่ะแค่มาบอกลาเองนะครับ”

      “บอกลา!?”

      สึนะทวนคำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง คนๆนี้เนี่ยนะมาบอกลาเขา 0.1%เชียวล่ะที่เป็นไปได้

      “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ครับ เสียมารยาท- -

      “แหะๆขอโทษที”

      “เอาล่ะ ผมไปล่ะครับเอาไว้เจอกันใหม่นะครับวองโกเล่^^

      พูดจบ ร่างบางก็ทำท่าจะสลายไปแต่ถูกสึนะขัดขึ้นเสียก่อน

      “แล้วนายไม่แค้นฉันรึไง”

      “เรื่องอะไรล่ะครับ^^

      “เรื่องที่ตัวฉันเมื่อ10ปีก่อนฆ่าเบียคุรันลงไป”

      ราวกับมีมีดมาสะกิดเกร็ดแผลที่หัวใจของเจ้าของผมสีไพลิน  ดวงตาทั่ง2สีหรุบต่ำก่อนจะปรับเป็นปกติเช่นเคย

      “ผมจะแค้นคุณไปทำไมกันล่ะ...ถ้าแค้นแล้ว..มันจะทำให้ เขาคนนั้น ฟื้นขึ้นมาผมคงแค้นคุณไปนานแล้วล่ะครับ^^

      “...”

      สึนะไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าคนๆนี้กำลังเจ็บปวดอยู่แค่ไหน อาจจะต้องใช้เวลานานทีเดียวที่จะรักษาหัวใจของตังเอง คงเป็นแบบนั้นสินะ สึนะคิดเช่นนั้น...

      “เอาล่ะ!ผมต้องไปจริงๆแล้วนะวองโกเล่^^

      พูดจบร่างของสายหมอกก็หายไป และบรรยายกาศรอบๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน   สึนะลุกขึ้นจากเอ้ากี้และเดินไปที่ระเบียงนอกห้อง

      “ขอโทษนะ มุคุโร่”

      “ขอโทษ....ที่พรากคนที่เธอรักไปจากเธอ”

      สึนะพูดขึ้นลอยๆและหวังลึกๆว่าคำพูดของเขาจะส่งไปถึงสายหมอกของเขาบ้าง...

      .......................................................

      เมื่อจากวองโกเล่มาร่างบางเจ้าของไหมสีไพลินก็มุ่งเดินทางมายังที่ที่นึง...ที่ที่เขากับคนๆนั้นเคยไป

      รถมินิคูเปอร์สีแดงของร่างบางขับมาราว2ชั่งโมงกว่าๆและหยุดลงที่หน้าเนินเขาลูกหนึ่งลับตาผู้ ไร้ผู้อาศัย  ร่างบางลงจากรถและเดินขึ้นเนินเขาไป  ขาเรียวก้าวไปอย่างชำนาญทางและใช้เวลาเดินขึ้นมาถึงที่ที่แห่งนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง(แล้วทำไมไม่ขับรถขึ้นไปฟร่ะ - -^:ไรท์เตอร์) ร่างบางหยุดก่อนมองทัศนียภาพข้างหน้า

      บ้านหลังขนาดกลางสีโทนขาวตั้งอยู่ตรงกลางทุ่งกว้าง มีดอกไม้ตามริมทางเดินก่อนจะถึงตัวบ้าน  ร่างบางเดินไปหยุดตรงหน้าประตูบ้านก่อนจะใช้กุญแจไขมัน

      ภายในบ้านถูกตกแต่งอย่างดีด้วยสีขาวหมด ไม่ว่าจะเป็น โซฟา โต๊ะอาหาร ข้าวของเครื่องใช้และอีกจิปาถะ - -

      “เฮ้อ~ เชื่อเขาเลยแหะว่าจะแต่งบ้านซะขาวหมดอย่างนี้”

      ร่างบางถอดหายใจเฮือกใหญ่ประมาณปลงกับสิ่งที่เห็น  คนๆนั้นชอบสีขาวขนาดนั้นเลยรึไงกัน

      เจ้าของนัยส์ตา2สีเดินสำรวจภายในบ้านเรื่อยๆและหยุดลง(อีกครั้ง)ที่หลังบ้าน   ร่างบางแสดงอาการตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เห็น  ไร่สัปปะรด!!!! แต่ก็ต้องตกใจ(เล็กน้อย)อีกรอบเมื่อรั่วที่กั้นไร่สัปปะรดนั้นมีดอกกล้วยไม้สีขาวพันไปตามรอบๆรั้วจนทั่วบริเวณนั้น

      “คึหึหึ  คุณนี่ว่างมากขนาดนั้นเลยรึไงกันนะที่สร้างของแบบนี้ขึ้นมา”

        แต่จู่ๆขอบตาของเรือนผมสีไพลินก็ร้อนขึ้นมาอย่างอดกลั่นไม่ได้

      “ฮึก....คุณเบียคุรัน..คุณ...ใจร้ายมากเลยนะที่กล้าทิ้งผมไป....ฮึก....ใจร้ายสุดๆเลย”

      ราวกับหน้ากากที่ร่างบางใส่เอาไว้เพื่อหลอกใครต่อใครว่าเขาไม่เป็นอะไรมันพังทลายลง มุคุโร่ทรุดตัวลงกับพื้นระเบียง    ริมฝีปากของร่างบางกัดแน่นเพื่อหวังที่จะหยุดความอ่อนแอของตนเองได้บ้างแต่นั่นก็ยิ่งไม่เป็นผล  ใบหน้าของร่างบางซบลงบนฝ่ามือของตังเอง ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด เสียงสะอื้นของร่างบางที่ดังขึ้นกลางธรรมชาติราวกับเป็นบทเพลงที่แสนเศร้าของผมสีไพลิน

      แปะ

      เสียงบางอย่างที่ลอยมากระทบหัวของร่างบางจนเจ้าต้องเงยหน้าขึ้นทั้งๆที่ตายังแดงก่ำและเอื้อมมือไปสัมผัส มันคือ     ดอกกล้วยไม้สีขาว  มือทั้ง2ข้างกุมดอกไม้นั้นไว้อย่างถนุนถนอม นัยส์ตา2สีคู่สวยจ้องมาดอกกล้วยนั้นราวกับคนๆนั้นต้องการจะปลอบเขา

      “ไม่ต้องมาปลอบผมเลยนะ...ฮึก คุณน่ะมันใจร้ายที่สุด”  ร่างบางพูดและยิ้มออกมาทั้งๆที่น้ำตาเจ้ากรรมยังคงไหลอยู่

      ขอโทษนะ  มุคุโร่คุง

      “แต่ผมก็ผิด....ผิดที่ไม่เลือกคุณ............ผมน่ะคงโง่มากซินะ”ร่างบางเริ่มสะอื้นหนักขึ้น

      เธอไม่ผิดหรอก

      “ฮึก..ฮึก ผมน่ะมีเรื่องอยากจะทำให้คุณอีกหลายเรื่อง ตะ...แต่ว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”

      อ่า~ อย่าร้องไห้ซิ มุคุโร่คุง..เพราะในตอนนี้แค่จะเช็ดน้ำตาให้เธอฉันยังทำไม่ได้เลย

      ร่างบางร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆความเจ็บปวดที่เก็บกดมันก็ระเบิดออกมาอย่างช่วยมาได้  ตอนที่ร่างสูงผมสีขาวจากไปก็เหมือนเขาคนนั้นช่วงชิงลมหายใจของร่างบางไปด้วยเหมือนกับหัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงไม่สามารถประติดประต่อขึ้นมาใหม่ได้เหมือนเดิม

      “ผมน่ะ....”

      “ผมน่ะ...รักคุณนะ คุณเบียคุรัน” ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะได้ยินไหมแต่ร่างบางยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆจนดังทั่วบริเวณพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาเพื่ออยากจะชดเชยสิ่งที่เขาทำผิดไป ทั้งที่ไม่ยอมเลือกเขาคนนั้นแต่เบียคุรันกลับยังยืนยันที่เลือก  ร่างบาง

      “ผมรักคุณมากเลย เบียคุรัน...”

      อื้อ ฉันน่ะได้ยินแล้วล่ะมุคุโร่คุง...เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้อีกเลยนะ

      “ฮึกๆ..ฮื่อๆๆ”

      นี่ มุคุโร่คุงต้องยิ้มเข้าไว้นะ

      “อ๊ะ!  ราวกับปาฎิหารเรือนผมสีไพลินได้ยินเสียงของเบียคุรัน

      รอยยิ้มแสนอ่อนโยนปราฎกขึ้นมาบนใบหน้าของร่างบาง เขารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไช่เขาหูแว่วเป็นแน่แต่คนๆนั้นอยู่กับเขาเสมอมาและตลอดไป

      “ได้ครับ ผมจะยิ้ม...ตลอดไป”

      The end

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×